ในวันนี้เป็นวันที่ 1 ตุลาคม ก็ใกล้วันนวราตรีของ ศาสนาฮินดู เข้ามาทุกวัน ในวันนี้ผมจึงขอเสนอ ไม้มงคลที่มีชื่อว่า ต้นมะตูม
มะตูมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 10-15 เมตร มีหลายชื่อ เช่น ตูม, กระทันตาเถร, มะปิ่น มะตูมมีใบใหญ่ยาวสีเขียวอ่อน ลำต้นโตสีเทา มีหนามแหลม ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม ผลกลมโต เปลือกแข็ง เนื้อข้างในมีสีนวลเหลืองอ่อน มีเมล็ดมาก ยางรอบเมล็ดเป็นเมือกเหนียว เนื้อจากผลแก่จัดนำมาเชื่อมกับน้ำตาล เป็นมะตูมเชื่อม เอาผลอ่อนมาหั่นบางๆ ตากแดดใช้เป็นชามะตูมต้มน้ำมา
ต้นมะตูมปลูกได้ทุกภาค การปลูกนิยมตอนกิ่งมาปลูก หรือขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดก็ได้ มะตูมเป็นไม้ปลูกกลางแจ้งและทนต่อความร้อนได้ดี โดยเพาะต้นกล้าในถุงพลาสติก รอจนต้นแข็งแรงจึงเอาไปปลูกในหลุม ดูแลรดน้ำเป็นระยะ อายุ 3 ปีขึ้นไปจึงออกดอกระหว่างเดือนมีนาและเมษายน ผลมะตูมมีคั่วผลเหนียว เปลือกผลแข็งไม่มีศัตรูรบกวน สามารถปลูกเป็นไม้เศรษฐกิจ เพาะต้นขาย หรือเป็นไม้ล้อม มะตูมป่ารากแผ่ไปไกลสามารถแตกเป็นต้นแทนต้นเก่า
มะตูมเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนของพระอิศวร ตามความเชื่อในเรื่องการปลูกต้นไม้ตามทิศกล่าวว่า ปลูกมะตูมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน จะช่วยป้องกันเสนียดจัญไร และเป็นมงคลนามให้ผู้อยู่อาศัยมีชื่อเสียงเรียงนามดังตูมตามลือเลื่อง
ด้วยลักษณะของใบมะตูมที่มีแฉก 3 แฉก คล้ายตรีศูล อาวุธขององค์พระอิศวร ก็ยิ่งสอดคล้องกับความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ที่กล่าวว่าต้นมะตูมเป็นไม้ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีการบูชาพระอิศวรจะมีการถวายใบมะตูมพร้อมท่องมนต์ หรือใช้ใบมะตูมแช่ในน้ำมนต์หรือวางไว้ใต้ตำรา มีความหมายว่าเบิกบาน ตูมแตกหน่อขึ้นมา
เมื่อศาสนาพราหมณ์เผยแผ่เข้าสู่ประเทศไทย เราก็ได้รับอิทธิพลในการนำใบมะตูมมาใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ ด้วย เช่น ในพิธีแรกนาขวัญ พิธีแต่งงาน รวมถึงเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มที่จะไปรับราชการในต่างประเทศ และเข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลลา พระมหากษัตริย์จะพระราชทานใบมะตูมทัดหู เป็นต้น
กล่าวกันว่าใบมะตูมช่วยขับไล่เสนียดจัญไรได้ ชนิดที่ว่าใครที่โดนผีเข้าเอาใบมะตูมเหน็บหูผีจะออกทันที (ความเชื่อ)
ในทางพุทธศาสนา เชื่อกันว่าพระพรหมเคยถวายผลมะตูมแด่องค์พระศาสดา และพระองค์ได้ประสาทมงคลพรไว้ว่า มะตูมเป็นผลไม้ที่ดีที่สุดควรค่าแก่การเป็นเครื่องบูชา ป้องกันเสนียดจัญไร ขับไล่สิ่งอัปมงคล ภูติผีปีศาจได้ ใช้ทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ได้
ด้วยลักษณะของใบมะตูมที่มีแฉก 3 แฉก คล้ายตรีศูล อาวุธขององค์พระอิศวร ก็ยิ่งสอดคล้องกับความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ที่กล่าวว่าต้นมะตูมเป็นไม้ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีการบูชาพระอิศวรจะมีการถวายใบมะตูมพร้อมท่องมนต์ หรือใช้ใบมะตูมแช่ในน้ำมนต์หรือวางไว้ใต้ตำรา มีความหมายว่าเบิกบาน ตูมแตกหน่อขึ้นมา
เมื่อศาสนาพราหมณ์เผยแผ่เข้าสู่ประเทศไทย เราก็ได้รับอิทธิพลในการนำใบมะตูมมาใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ ด้วย เช่น ในพิธีแรกนาขวัญ พิธีแต่งงาน รวมถึงเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มที่จะไปรับราชการในต่างประเทศ และเข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลลา พระมหากษัตริย์จะพระราชทานใบมะตูมทัดหู เป็นต้น
กล่าวกันว่าใบมะตูมช่วยขับไล่เสนียดจัญไรได้ ชนิดที่ว่าใครที่โดนผีเข้าเอาใบมะตูมเหน็บหูผีจะออกทันที (ความเชื่อ)
ในทางพุทธศาสนา เชื่อกันว่าพระพรหมเคยถวายผลมะตูมแด่องค์พระศาสดา และพระองค์ได้ประสาทมงคลพรไว้ว่า มะตูมเป็นผลไม้ที่ดีที่สุดควรค่าแก่การเป็นเครื่องบูชา ป้องกันเสนียดจัญไร ขับไล่สิ่งอัปมงคล ภูติผีปีศาจได้ ใช้ทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ได้
ตามความเชื่อของชาวฮินดู ใบมะตูมถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดีย เพราะคนอินเดียเชื่อว่าต้นมะตูมนั้นเป็นต้นไม้แห่งพระศิวะ ตามคัมภีร์จตุรมาสมหาตมะยะ ได้กล่าวไว้ว่า ใบมะตูมที่เป็นสามแฉกนั้นแทนพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามพระองค์ คือ พระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ ส่วนในคัมภีร์ไชมินีอรัณยกถากล่าวว่า นางเทราปที พระมหาสีของกษัตริย์ปานฑพทั้ง 5 ได้เคยถวายใบมะตูมที่มีจำนวนถึง 100,000 ใบแด่พระศิวะเพื่อขอพร เครื่องยืนยันว่าใบมะตูมเป็นไม้บูชาแห่งองค์ศิวะเทพคือ ชาวฮินดูมักจะเขียนรูปศิวลึงค์กับใบมะตูมไว้ด้วยกันเสมอ บ้างก็ว่าต้นมะตูมเกิดจากตรีพระนารายณ์ บางทีก็ว่าเสมือนอาวุธคู่พระทัยของพระศิวะนั่นคือตรีศูร และอีกอย่างครับ ชาวฮินดูมักจะใช้ใบมะตูมบูชาแก่พระศิวะในเทศกาลต่างๆ โดยจะขาดเสียไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดคือ 108 ใบ
ใบมะตูม ใช้บูชาเทพเจ้าทางฮินดูได้ทุกพระองค์
ใบสะเดา ใช้บูชาทางสายศักตินิกายคือใช้บูชาเจ้าแม่
ใบกระเพาะหรือกระเพาะแดง ใช้บูชาในสายของไวษณพนิกายหรือบูชาพระนารายณ์และพระนางลักษมี 108 ใบ กับ 108พระนาม พระศิวะน่ะครับ สวดจบ๑พระนาม ก็วางลง๑ใบ หรืออีกบทนึงที่นิยมสวดเวลาถวายก็ โอม ตัสมัย จักรายะ นมัส ศิวายะ
ใบมะตูม ใช้บูชาเทพเจ้าทางฮินดูได้ทุกพระองค์
ใบสะเดา ใช้บูชาทางสายศักตินิกายคือใช้บูชาเจ้าแม่
ใบกระเพาะหรือกระเพาะแดง ใช้บูชาในสายของไวษณพนิกายหรือบูชาพระนารายณ์และพระนางลักษมี 108 ใบ กับ 108พระนาม พระศิวะน่ะครับ สวดจบ๑พระนาม ก็วางลง๑ใบ หรืออีกบทนึงที่นิยมสวดเวลาถวายก็ โอม ตัสมัย จักรายะ นมัส ศิวายะ
ที่มา : http://www.nanagarden.com